วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2563

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563

ทหารยอมรับ‘สำคัญผิด’ยิงชาวบ้าน 3 ศพ ยันไม่มีจัดฉาก เร่งเยียวยาญาติสั่งสอบชุดปะทะ

ทหารยอมรับ‘สำคัญผิด’ยิงชาวบ้าน 3 ศพ ยันไม่มีจัดฉาก เร่งเยียวยาญาติสั่งสอบชุดปะทะ

วันที่ 17 ธ.ค. ที่โรงเรียนบ้านอาแน หมู่ 8 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.สมพล ปานกุล แม่ทัพน้อยที่ 4 พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจกับญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้าน จากกรณีเจ้าหน้าที่ยิงปะทะบนเขาตะเว แล้วพบผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายฮาพีซี มะดาโอะ อายุ 24 ปี นายบูดีมัน มะลี อายุ 26 ปี และ นายมะนาซี สะมะแอ อายุ 27 ปี เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 16 ธ.ค.ผ่านมา
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อหน้าญาติผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันความบริสุทธิใจและโปร่งใสต่อการปฎิบัติหน้าที่ ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนเป็นเหตุให้ชาวบ้าน 3 รายเสียชีวิต กองทัพยอมรับในความผิดพลาด สำหรับสาเหตุที่ล่าช้าในการนำศพลงมาเนื่องจากจุดเกิดเหตุห่างไกลและเป็นพื้นที่ป่าเขา ไม่มีสัญญาณสื่อสาร หลังเกิดเหตุได้ให้ตำรวจพิสจน์หลักฐาน ทหาร ฝ่ายปกครอง แพทย์ นักสิทธิมนุษยชน เดินทางขึ้นไปตรวจสอบจุดเกิดว่าไม่มีการสร้างฉาก เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
“จากนี้ไป จำเป็นต้องให้เกิดความยุติธรรม 3 ข้อหลัก 1.นำคนผิดผู้ก่อเหตุมาลงโทษ ตามกฎหมาย 2.การดูและเยียวยา ให้ญาติหรือทายาทให้เกิดความเป็นธรรมทุกราย และ3.ให้องค์กรอิสระ คณะกรรมสิทธิ์มนุษยชนแห่งชาติ โดยมี นายแวดือราแม มะมิงจิ เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานคืบหน้าต่อไป เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน สู่กระบวนการยุติธรรม นำพาสันติสุขให้กับพื้นที่”
จากนั้น พล.ท.พรศักดิ์ แถลงชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จากกรณีหน่วยเฉพาะกิจ ฉก.ทพ. 45 ปะทะกับกลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตบนเทือกเขาตะเว ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ที่เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ขอยืนยันว่าจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ด้วยความโปร่งใสและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ แม้เบื้องตันพบว่าเป็นการสำคัญผิดของเจ้าหน้าที่ หากภายหลังพบว่าเจ้าหน้าที่กระทำความผิดด้วยความจงใจ ก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาทหารขั้นสูงสุดโดยไม่มีข้อยกเว้น
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบ ว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นการยายผลจากเหตุปะทะกับกลุ่มคนร้ายเมื่อ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ หมู่ 13 ต.ตันหยงมัสส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส แต่คนร้ายหลบหนีไปได้ จึงจัดกำลังเข้าไปพิสูจน์ทราบซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายหลายครั้งในห้วงที่ผ่านมา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเจอกับกลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายประมาณ 9-5 คน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจสอบแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีพร้อมกับได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3-4 นัด เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้และเมื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนที่เหลือได้หลบหนีไปได้
“ในห้วงที่ผ่านมา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดแผนเข้ากดดันบังคับไม่ให้กลุ่มคนร้ายในพื้นที่ป่าภูเขาทุกพื้นที่ พร้อมออกคำสั่งห้ามราษฎรขึ้นไปหาของป่า หรือกระทำสิ่งอื่นใดในพื้นที่ป่าภูเขา ซึ่งได้แจ้งผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่เทือกเขาเมาะแต และเทือกเขาตะเว ถือเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาดเพราะเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายหลายครั้ง ที่ผ่านมาตรวจยึดฐานที่มั่นบนพื้นที่เขาตะว และเขาเมาะแตได้ถึง 8 ฐาน”
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทั้ง 3 รายเป็นราษฎร์ในหมู่บ้าน ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรงแต่อย่างใด ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะปฎิบัติอย่างระมัดระวัง แต่ได้สำคัญผิดว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ไม่สามารถที่จะปฎิเสธความรับผิดชอบได้ โดยจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนของกฏหมาย พร้อมตั้งคณะกรรมสอบสวนของหน่วยเพื่อดำเนินการกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางวินัย และอาญา ขั้นเด็ดขาด โดยไม่มีข้อละเว้นอกจากนี้ยังมอบหมายไห้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่เป็นองค์กรอิสระผู้แทนของทุกภาคส่วนที่ได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ เข้าทำการตามข้อเท็จจริง คู่ขนานอย่างเป็นอิสระด้วยความโปร่งใส เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาให้เหมาะสม และเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่บทสรุปดังกล่าวจะไม่มีข้อพันธะผูกพันทางกฏหมาย และจะรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆต่อไปด้านนางพรวิลัย บวรณรงค์เดช คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ตนเดินทางขึ้นไปดูจุดเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย อยู่ในสภาพที่นอนเสียชีวิตอยู่ข้างกองไม้แปรรูป ไม่มีอาวุธปืนแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้มีการจัดฉาก ขอให้ชาวบ้านทุกคนไว้วางใจการสอบสวนข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนถือว่าพอใจที่เจ้าหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้เจ้าหน้าที่จะสำคัญผิดว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เป็นกลุ่มคนร้ายจึงถูกวิสามัญฯ อย่างไรก็ตามรายงานของสิทธิมนุษยชนได้เริ่มต้น การทำงานแล้วนับแต่วันนี้และจะรายงานผลภายใน 7 วัน

หวิดชุลมุน “เสี่ยโป้” หอบเงินแสนแจกชาวบ้านน้ำท่วมที่นราธิวาส

หวิดชุลมุน “เสี่ยโป้” หอบเงินแสนแจกชาวบ้านน้ำท่วมที่นราธิวาส

หวิดชุลมุน “เสี่ยโป้” หอบเงินแสนแจกชาวบ้านน้ำท่วมที่นราธิวาส
เสี่ยโป้ อานนท์” หอบเงินแจกชาวบ้านน้ำท่วมที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พร้อมทั้งได้นำถุงข้าวสารอาหารแห้ง
นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ เสี่ยโป้ ได้เดินทางมายังศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งใช้อาคารของโรงเรียนเทศบาล 4 บ้านทรายทอง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พร้อมทั้งได้นำถุงข้าวสารอาหารแห้ง จำนวน 2,500 ชุด ขึ้นรถยนต์บรรทุกของเจ้าหน้าที่ทหารนำมามอบให้ด้วยตนเอง
ซึ่งการเดินทางมาบริจาดสิ่งของในครั้งนี้ มีประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกและรอบนอก ที่ทราบข่าวได้แห่เดินทางมาเพื่อรอรับสิ่งของ แต่ต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง เนื่องจากถุงข้าวสารอาหารแห้งที่ เสี่ยโป้ นำมาในครั้งนี้ เพื่อมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมเท่านั้น
ส่วนการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ มีความโกลาหนพอสมควร เนื่องจากมีประชาชนที่ไม่ได้ประสบภัยน้ำท่วม ได้แฝงตัวฝ่าการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไปอยู่ปะปนกับผู้ประสบภัยน้ำท่วม เสี่ยโป้ จึงได้มอบเงินสดธนบัตรชนิด1พันบาท จำนวนทั้งสิ้น 184,000 บาท ผ่านนางสุชาดา พันธุ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เพื่อเป็นตัวแทนมอบให้กับชาวบ้านที่ประสบภัย ตามรายชื่อที่มีอยู่รายละ 1,000 บาท ตามวัตถุประสงค์ของเสี่ยโป้ จึงทำให้ชาวบ้านที่แฝงตัวมารับเงินต้องเดินคอตกออกจากกลุ่มผู้ประสบภัยน้ำท่วมไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่เสี่ยโป้เดินทางขึ้นรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 48 ที่มาให้การรักษาความปลอดภัยเพื่อเดินทางไปยังท่าอากาศยานนราธิวาสนั้น เสี่ยโป้ ได้ถูกประชาชนรุมล้อมเพื่อขอถ่ายรูปคู่ไว้เป็นที่ระลึก โดยเสี่ยโป้ได้ตะโกนทิ้งท้ายว่า "หากชาวบ้านเดือดร้อน ผมจะเดินทางมาอีกครั้ง"

นราธิวาสป่วนไม่หยุด คนร้ายยิงถล่ม "วัดรัตนานุภาพ" พระสงฆ์มรณภาพ 2 รูป


นราธิวาสป่วนไม่หยุด คนร้ายยิงถล่ม "วัดรัตนานุภาพ" พระสงฆ์มรณภาพ 2 รูปนราธิวาสป่วนไม่หยุด คนร้ายยิงถล่ม "วัดรัตนานุภาพ" พระสงฆ์มรณภาพ 2 รูป


(18 ม.ค.) สถานการณ์ความไม่สงบที่จ.นราธิวาส ปะทุขึ้นตลอดทั้งวัน มีรายงานว่า เมื่อเวลา 20.30 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ ป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และ วัดรัตนานุภาพ บ้านโคกโก ม.2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เหตุดังกล่าวทำให้พระสงฆ์มรณภาพ 2 รูป หนึ่งในนั้นคือ ท่านพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 รูป นำส่ง รพ.สุไหงปาดี และส่งต่อ รพ.สุไหงโก-ลก และมีบ้านของชาวบ้านตรงแยกป้อม ชรบ. ได้รับลูกหลงถูกกระสุนปืนด้วย
ทั้งนี้ ในวันนี้ เกิดเหตุความไม่สงบที่นราธิวาสตั้งแต่ช่วงเช้า เมื่อเวลา 07.30 น. คนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ.4814 กรมทหารพรานที่ 48 ได้รับบาดเจ็บ ริมถนนเลียบทางรถไฟสายเต๊ะเด็ง –เทศบาลตำบลปะลุรู ช่วงบริเวณบ้านโต๊ะเด็ง ม.1 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย สาหัส 2 นาย 
ส่วนในพื้นที่ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 11 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร สภ.จะแนะ จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการเข้าตรวจสอบในสวนยางพารา บ้านตือกอ ม.7 ต.จะแนะ ซึ่งห่างจากโรงเรียนบ้านตือกอ ประมาณ 200 เมตร โอบล้อมผู้ต้องสงสัย 5 รายและเกิดการยิงปะทะกันกว่า 30 นาที ต่อมาเจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้ายเสียชีวิตได้ 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 4 คน สามารถอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้

ทหารบุกทลายฐานโจรใต้ ตั้งเพิงพักบนเทือกเขาตะเว จ.นราธิวาส

ทหารบุกทลายฐานโจรใต้ ตั้งเพิงพักบนเทือกเขาตะเว จ.นราธิวาสทหารบุกทลายฐานโจรใต้ ตั้งเพิงพักบนเทือกเขาตะเว จ.นราธิวาส

(15 พ.ย.62) พ.อ.ทรงเดช สุกนุ้ย ผบ.หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม จ.นราธิวาส /ผบ.ฉก.ทพ.46 ได้ร่วมสนธิกำลังกับ พ.อ.เอกพล เลขนอก ผบ.ฉก.ทพ.48 และชุดจรยุทธ์ จำนวน 4 ชุด ปฏิบัติการนำกำลังบุกขึ้นพิสูจน์ทราบความเคลื่อนไหวของกองกำลังติดอาวุธกลุ่มผู้ไม่หวังดีบนเทือกเขาตะเว ช่วงบริเวณบ้านบาโงกือเต ม.1 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเพิงพักชั่วคราว ที่กลุ่มกองกำลังติดอาวุธได้ใช้ผ้าเต็นท์สีเขียว ซึ่งมีขนาดยาว 10 เมตร กว้าง 5 เมตร ทำเป็นหลังคาชั่วคราว โดยใช้ไม้แปรรูปยึดเป็นเสา 4 ด้าน พร้อมปูเป็นที่พัก ซึ่งสามารถอาศัยอยู่ได้ จำนวน 5 ถึง 6 คน และมีซองอาหารสำเร็จรูปจำนวนหนึ่ง ที่วางกระจัดกระจายอยู่บริเวณรอบเพิงพัก
และจากการตรวจสอบบริเวณรอยเพิงพัก พบว่า เพิงพักดังกล่าวน่าจะเป็นของกองกำลังติดอาวุธกลุ่มนายตอเย็บ แมทาลง และ นายอัซวาน อายิ ที่ได้มีการถอนกำลังไปประมาณ 1 ถึง 2 วัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาตรวจสอบพบ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรื้อถอนเพิงพักชั่วคราวดังกล่าวทิ้ง เพื่อที่จะไม่ให้กลุ่มก่อกำลังติดอาวุธได้มาอาศัยอยู่ในการประชุมวางแผนก่อเหตุร้ายได้ต่อไป

เศร้าวันเด็ก! หนูน้อยจมน้ำหาดนราทัศน์ ช่วยได้ 3 เด็กหญิง 9 ขวบยังสูญหาย

เศร้าวันเด็ก! หนูน้อยจมน้ำหาดนราทัศน์ ช่วยได้ 3 เด็กหญิง 9 ขวบยังสูญหาย

เศร้าวันเด็ก! หนูน้อยจมน้ำหาดนราทัศน์ ช่วยได้ 3 เด็กหญิง 9 ขวบยังสูญหาย
วันเด็กนราเศร้า! พบเด็กจมน้ำที่หาดนราทัศน์ 4 คน ช่วยได้แล้ว 3 ยังหาอีก 1
11 ม.ค.2563 เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุเด็กจมน้ำบริเวณหาดนราทัศน์ จ.นราธิวาส ที่เกิดเหตุพบประชาชนจำนวนมากนำบุตรหลานมาท่องเที่ยวในช่วงวันเด็ก
ซึ่งระหว่างนั้นมีคลื่นลมแรง พัดพาเด็กที่กำลังเล่นน้ำออกจากฝั่ง 4 คน และจมหายไปพร้อมกัน ภายหลังประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ช่วยเหลือเด็กขึ้นมาได้ 3 คน พบเป็นเด็กหญิง 2 คนอายุ 8 และ 10 ขวบ ส่วนอีกคนเป็นเด็กชายอายุ 6 ขวบ โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเมตตาธรรม ได้เดินทางมาช่วยเหลือและปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ล่าสุดเด็กทั้ง 3 อาการปลอดภัย
ส่วนเด็กหญิงอายุ 9 ขวบอีกหนึ่งคน ยังจมหายไป เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเมตตาธรรม มนุษย์กบจากหน่วยนาวิกโยธิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำนราธิวาส ได้กระจายกำลังค้นหานานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่พบตัว ประกอบกอบในทะเลมีคลื่นกำลังแรง แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ลดละความพยายามในการค้นหาแต่อย่างใด
จากข้อมูลพบว่าในช่วงวันเด็กของปีที่ผ่านมา (ปี 2562) เคยมีเด็กเสียชีวิตหลังลงไปเล่นน้ำที่ชายหาดนราทัศน์ 2 คน ทั้งๆที่ทางเทศบาลเมืองนราธิวาส ได้นำป้ายเตือนไปติดตั้งไว้ที่ชายหาดหลายจุด แต่ยังคงเกิดเหตุซ้ำในปีนี้ 

“บิ๊กตู่” เตรียมลงชายแดนใต้ประชุม ครม.สัญจรครั้งแรกของปี 63 ที่นราธิวาส

“บิ๊กตู่” เตรียมลงชายแดนใต้ประชุม ครม.สัญจรครั้งแรกของปี 63 ที่นราธิวาส 


นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุม ครม.สัญจรครั้งแรกของปี 63 ที่นราธิวาส มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ครั้งที่ 1/2563 ระหว่างวันที่ 20-21 ม.ค. 2563 ที่ จ.นราธิวาส
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันที่ 20 ม.ค. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปสักการะศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ และพบกับตัวแทนสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีน 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมฮกเกี้ยน สมาคมแต้จิ๋ว สมาคมแคระ และสมาคมไหหลำ จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เพื่อติดตามโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พร้อมพบประกับประชาชนและเยี่ยมชมนิทรรศการ ด้านสาธารณสุข ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP และการค้าออนไลน์ ช่วงบ่ายเดินทางต่อไปยังวัดประชุมชลธารา เพื่อเยี่ยมและพบปะประชาชนชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม ก่อนจะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส เพื่อร่วมพูดคุยกับผู้นำทางศาสนาและประชาชนไทยชาวมุสลิม
จากนั้นในวันที่ 21 ม.ค. ช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นประธานการประชุมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) จากนั้นจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2563 ณ ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อเสร็จการประชุมจะเดินทางกลับโดยจะถึงกรุงเทพมหานครในช่วงบ่าย 
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญในการลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า รัฐบาลต้องการสร้างความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดตามความก้าวหน้าในการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและการค้าผ่านระบบออนไลน์ รวมทั้งส่งเสริมการขับเคลื่อนสังคมพหุวัฒนธรรม ภายใต้อัตลักษณ์ที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งเป็นเสน่ห์ของพี่น้องในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยรัฐบาลต้องการเห็นภาคใต้เป็นดินแดนแห่งการพัฒนาที่เต็มไปด้วยความสุขและความเจริญรุ่งเรือง.